คำนวณ OT อย่างไร? ไม่ให้ขัดต่อกฎหมายแรงงาน
OT คืออะไร?
ค่าล่วงเวลา (OT) เป็นค่าตอบแทนที่นายจ้างต้องจ่ายให้ลูกจ้างที่ทำงานเกินเวลาทำงานปกติที่กฎหมายกำหนด แต่การจ่าย OT ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันข้อพิพาทแรงงานและให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง
หลักเกณฑ์การจ่าย OT ตามกฎหมายแรงงาน
กฎหมายแรงงานไทย (พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541) กำหนดว่า นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้กับลูกจ้างที่ทำงานเกินชั่วโมงทำงานปกติ โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้:
1 พนักงานประจำ หรือ พนักงานรายเดือน
พนักงานประจำ หรือ พนักงานรายเดือน คือพนักงานที่ได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือน โดยการคำนวณค่าล่วงเวลาจะคิดจากอัตราค่าจ้างรายชั่วโมง โดยเมื่อรวมกันแล้วสัปดาห์หนึ่งต้องไม่เกิน 36 ชั่วโมง (รวมวันหยุด)
- ชั่วโมงทำงานปกติไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- ชั่วโมงทำงานปกติไม่เกิน 7 ชม./วัน และไม่เกิน 42 ชม./สัปดาห์ สำหรับงานที่เสี่ยงต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้าง ได้แก่ งานใต้ดิน ใต้น้ำ ที่อับอากาศ หรืองานเกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสี สารเคมีอันตราย เครื่องจักรสั่นสะเทือน และงานที่มีความร้อนหรือความเย็นจัด
- เวลาพักไม่น้อยกว่า 1 ชม./วัน หลังจากลูกจ้างทำงานมาแล้วไม่เกิน 5 ชม. ติดต่อกัน หรืออาจตกลงกันพักเป็นช่วง ๆ ก็ได้แต่รวมแล้วต้องไม่น้อยกว่า 1 ชม./วัน
- กรณีให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาต่อจากเวลาทำงานปกติไม่น้อยกว่า 2 ชม. ต้องจัดให้ลูกจ้างพักก่อนเริ่มทำงานล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 20 นาที
- OT วันธรรมดา
- เมื่อลูกจ้างทำงานเกินเวลาปกติ ต้องจ่ายค่าล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 1.5 เท่า ของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ
ตัวอย่างการคำนวณ:
- พนักงานเงินเดือน 15,000 บาท ทำงานปกติ 8 ชั่วโมงต่อวัน และ 30 วันต่อเดือน
- อัตราค่าจ้างรายชั่วโมง = 15,000 ÷ 30 ÷ 8 = 62.5 บาทต่อชั่วโมง
- ค่าล่วงเวลา 62.5 × 1.5 = 93.75 บาทต่อชั่วโมง
- OT วันหยุด
- ในกรณีที่นายจ้างให้ทำงานในวันหยุด หรือช่วงเวลาการทำงานปกติ จะต้องจ่ายค่าล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 1 เท่าของค่าจ้างรายชั่วโมง
ตัวอย่างการคำนวณ:
- พนักงานเงินเดือน 15,000 บาท ทำงานปกติ 8 ชั่วโมงต่อวัน และ 30 วันต่อเดือน
- อัตราค่าจ้างรายชั่วโมง = 15,000 ÷ 30 ÷ 8 = 62.50 บาทต่อชั่วโมง
- ค่าล่วงเวลา 62.50 × 1 = 62.50 บาทต่อชั่วโมง
- ช่วงเวลาที่เกินเวลาทำงานปกติ ต้องจ่ายค่าล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 3 เท่าของค่าจ้างรายชั่วโมง
ตัวอย่างการคำนวณ:
- พนักงานเงินเดือน 15,000 บาท ทำงานปกติ 8 ชั่วโมงต่อวัน และ 30 วันต่อเดือน
- อัตราค่าจ้างรายชั่วโมง = 15,000 ÷ 30 ÷ 8 = 62.5 บาทต่อชั่วโมง
- ค่าล่วงเวลา 62.5 × 3 = 187.50 บาทต่อชั่วโมง
2. พนักงานรายวัน
พนักงานรายวัน หมายถึง พนักงานที่ได้รับค่าจ้างตามวันที่ทำงานจริง
- OT วันธรรมดา
- เมื่อทำงานล่วงเวลา อัตราการจ่าย OT จะคิดเป็น 1.5 เท่า ของอัตราค่าจ้างรายชั่วโมงปกติ
ตัวอย่างการคำนวณ:
- เมื่อทำงานล่วงเวลา อัตราการจ่าย OT จะคิดเป็น 1.5 เท่า ของอัตราค่าจ้างรายชั่วโมงปกติ
- พนักงานได้รับค่าจ้างวันละ 400 บาท และทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน
- อัตราค่าจ้างรายชั่วโมง = 400 ÷ 8 = 50 บาทต่อชั่วโมง
- ค่าล่วงเวลา 50 × 1.5 = 75 บาทต่อชั่วโมง
- OT วันหยุด
- ทำงานวันหยุด (OT ในวันหยุด) จ่าย 2 เท่า ของอัตราค่าจ้างปกติ
ตัวอย่างการคำนวณ:
- พนักงานได้รับค่าจ้างวันละ 400 บาท และทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน
- อัตราค่าจ้างรายชั่วโมง = 400 ÷ 8 = 50 บาทต่อชั่วโมง
- ค่าล่วงเวลา 50 × 2 = 100 บาทต่อชั่วโมง
- ทำงานล่วงเวลาในวันหยุด จ่าย 3 เท่า ของอัตราค่าจ้างปกติ
ตัวอย่างการคำนวณ:
- พนักงานได้รับค่าจ้างวันละ 400 บาท และทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน
- อัตราค่าจ้างรายชั่วโมง = 400 ÷ 8 = 50 บาทต่อชั่วโมง
- ค่าล่วงเวลา 50 × 3 = 150 บาทต่อชั่วโมง

นายจ้างต้องระวังเกี่ยวกับการจ่าย OT
- ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง นายจ้างไม่สามารถบังคับให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาได้ หากไม่มีความยินยอม ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน
- ต้องจ่ายค่าล่วงเวลาอย่างถูกต้องและตรงเวลา ห้ามเลี่ยงการจ่าย OT โดยใช้วิธีอื่น เช่น ให้หยุดงานชดเชยแทน
- บันทึกเวลาทำงานอย่างชัดเจน ควรมีระบบบันทึกเวลาการทำงานที่โปร่งใส เพื่อลดข้อพิพาท
- ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน การไม่จ่าย OT ตามที่กฎหมายกำหนด อาจทำให้นายจ้างถูกปรับหรือถูกดำเนินคดี
สรุป:

การจ่ายค่าล่วงเวลา (OT) อย่างถูกต้องตาม กฎหมายแรงงานไทย เป็นสิ่งสำคัญที่นายจ้างต้องปฏิบัติเพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายและส่งเสริมความเป็นธรรมในการทำงาน ทั้ง พนักงานรายวัน และ พนักงานรายเดือน ต้องได้รับค่าล่วงเวลาในอัตราที่ถูกต้อง เช่น OT 1.5 เท่า, ค่าล่วงเวลาในวันหยุด 3 เท่า ตามที่กฎหมายกำหนด
นายจ้างควรมี ระบบบันทึกเวลาทำงาน และ การคำนวณ OT ที่โปร่งใส เพื่อลดข้อพิพาทแรงงานและเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน การบริหาร ค่าล่วงเวลา (Overtime), ค่าทำงานวันหยุด (Holiday Pay), และค่าตอบแทนพิเศษ อย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง