“เที่ยวดี มีคืน” ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ 4 มาตรการสำคัญ ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง เพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 และต่อเนื่องถึงปี 2569
มาตรการเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยตรงเท่านั้น แต่ยังช่วยขับเคลื่อนภาคบริการ การจ้างงาน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ซึ่งเชื่อมโยงกับการบริหารบุคลากรและงบประมาณของภาครัฐและเอกชน ที่องค์กรสามารถใช้ ระบบบริหารทรัพยากรบุคคล (HR System) และ โปรแกรม เงินเดือน เข้ามาช่วยจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
มาตรการที่ 1: บุคคลธรรมดา ลดหย่อนภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง โปรแกรมเงินเดือน
เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถ นำค่าที่พักและค่าบริการร้านอาหารมาลดหย่อนภาษี ได้จริงตามจำนวนที่จ่าย แต่ไม่เกิน 20,000 บาท โดยแบ่งเป็น 10,000 บาทแรก ใช้ใบกำกับภาษีได้ทั้งแบบกระดาษ และ อิเล็กทรอนิกส์ 10,000 บาทหลัง ใช้หลักฐานแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2568
- หากเดินทางใน จังหวัดท่องเที่ยวรอง (55 จังหวัด) หรือบางอำเภอในจังหวัดเพิ่มเติมอีก 15 จังหวัด สามารถลดหย่อนได้ 1.5 เท่าของค่าใช้จ่ายจริง
- สำหรับจังหวัดอื่น ๆ ลดหย่อนได้ 1 เท่าของค่าใช้จ่ายจริง
มาตรการนี้มุ่งหวังให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และเพิ่มการจ้างงานในพื้นที่ ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้ประกอบการรายย่อยในเมืองรอง
มาตรการที่ 2: เร่งรัดการเบิกจ่ายงบฝึกอบรมและสัมมนา (Front Load) โปรแกรมเงินเดือน
เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลได้ออกนโยบายให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งเบิกงบฝึกอบรมและสัมมนาอย่างน้อย 60% ภายในเดือนตุลาคม 2568 – มกราคม 2569 การจัดฝึกอบรมหรือสัมมนาในเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวรอง จะเป็นอีกแรงส่งให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจ ทั้งค่าที่พัก อาหาร การเดินทาง และบริการท้องถิ่น
มาตรการที่ 3: ขยายเวลาลดภาษีธุรกิจบันเทิงและกิจการหย่อนใจ
รัฐบาลเห็นชอบให้ ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ประเภทที่ 17.01 จาก 10% เหลือ 5% ออกไปอีก 1 ปี (1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2569) เพื่อช่วยเหลือภาคบริการและสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ
มาตรการที่ 4: ภาษีจูงใจปรับปรุงโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยว
ภาครัฐยังสนับสนุนให้ผู้ประกอบการโรงแรมปรับปรุงสถานที่และแหล่งท่องเที่ยว โดยให้ หักรายจ่ายได้ 2 เท่า สำหรับค่าใช้จ่ายในการต่อเติม เปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกิจการ ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 2568 – 31 มีนาคม 2569
พร้อมกันนี้ ธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน, SME Bank, และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM) ยังได้เตรียมโครงการ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงินรวมกว่า 100,000 ล้านบาท เพื่อช่วยผู้ประกอบการโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงกิจการและเสริมสภาพคล่อง
ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน
“เที่ยวดี มีคืน” มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวชุดนี้จะช่วยเพิ่มการเดินทางในประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวรอง ส่งผลให้ผู้ประกอบการในห่วงโซ่ธุรกิจท่องเที่ยวมีรายได้เพิ่มขึ้น และเกิดการจ้างงานในวงกว้าง รายได้ครัวเรือนสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจปี 2568 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.04–0.05 และในปี 2569 เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.03–0.04 เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีมาตรการ
สำหรับภาคธุรกิจ มาตรการเหล่านี้ถือเป็นโอกาสในการปรับตัว ทั้งในแง่ของการจัดการบุคลากร การบริหารต้นทุน และการวางแผนภาษีที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวปลายปี 2568 ของรัฐบาลไม่เพียงช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการและแรงงานในภาคท่องเที่ยว แต่ยังเป็นแรงผลักสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม การนำเทคโนโลยี เช่น โปรแกรม เงินเดือน และ ระบบบริหารทรัพยากรบุคคล (HR System) เข้ามาช่วยจัดการด้านบุคลากร ภาษี และต้นทุน จะทำให้องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างยั่งยืน COACH HCM รองรับการ เพิ่มเงื่อนไขลดหย่อนพิเศษ อย่าง “เที่ยวดี มีคืน” เข้าไปในระบบภาษีของพนักงานได้ ช่วยให้ HR ตรวจสอบและคำนวณภาษีปลายปีได้ครบถ้วนโดยไม่ต้องกรอกเองให้วุ่นวาย!
Q&A : 5 คำถาม–คำตอบสำคัญจากมาตรการ “เที่ยวดี มีคืน ปี 2568”
Q : โฮมสเตย์แบบไหนเข้าข่ายใช้สิทธิภาษีได้?
A : เฉพาะโฮมสเตย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน “โฮมสเตย์ไทย” จากกรมการท่องเที่ยว และต้อง จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร เท่านั้น
Q : ใช้สิทธิลดหย่อนได้เฉพาะร้านอาหารในโรงแรมหรือไม่?
A : ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านอาหารในโรงแรม ร้านอาหารทั่วไปที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ใช้สิทธิลดหย่อนได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการเข้าพักโรงแรมหรือโฮมสเตย์
Q : e-Tax Invoice คืออะไร ใช้อย่างไรในมาตรการนี้?
A : e-Tax Invoice คือ “ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์” ที่ออกในรูปแบบข้อมูลดิจิทัล ผู้มีสิทธิไม่ต้องเก็บเอกสารกระดาษหรือส่งใบกำกับภาษีให้กรมสรรพากร เพราะระบบจะมีข้อมูลอยู่ในฐานข้อมูลภาษีโดยอัตโนมัติ
Q : โรงแรมที่เข้าข่ายใช้สิทธิ “ภาษีเพื่อปรับปรุงโรงแรม” มีอะไรบ้าง?
A : ต้องเป็นโรงแรมที่ได้รับอนุญาตตาม พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 และอยู่ใน 4 ประเภทหลัก ได้แก่
โรงแรมประเภท 1 – ห้องพักไม่เกิน 50 ห้อง
โรงแรมประเภท 2 – ห้องพักเกิน 50 ห้อง หรือมีห้องอาหาร
โรงแรมประเภท 3 – มีห้องพัก + ห้องอาหาร + ห้องสัมมนา
โรงแรมประเภท 4 – มีห้องพัก + ห้องอาหาร + ห้องสัมมนา + สถานบริการ
Q : ต้องใช้หลักฐานอะไรในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี?
A : ใช้ ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป (Full Tax Invoice) ทั้งในรูปแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice หรือ e-Tax Invoice by Time Stamp) ซึ่งต้องระบุ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ให้ครบถ้วน
แหล่งข้อมูลอ้างอิงเนื้อหาจาก https://www.thaigov.go.th/th/media/infographic/8882
