ประกันสังคมปรับเพิ่ม 2569: ฐานค่าจ้างใหม่ สิทธิประโยชน์เพิ่ม พร้อมคู่มือ HR & Payroll อัปเดตล่าสุด
ประกันสังคมปรับเพิ่ม 2569 เป็นการปรับโครงสร้างฐานค่าจ้างและเงินสมทบ ม.33 ครั้งใหญ่ในรอบกว่า 20 ปี ส่งผลต่อสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน ค่าจ้างที่ใช้คำนวณ และต้นทุนแรงงานขององค์กร รวมถึงฝ่าย HR และระบบ Payroll ที่ต้องอัปเดตข้อมูลให้ถูกต้องตามกฎหมายใหม่ที่เริ่มบังคับใช้ปี 2569 เป็นต้นไป
ตั้งแต่ปี 2569–2571 สำนักงานประกันสังคมได้ประกาศใช้โครงสร้างใหม่ของ ฐานค่าจ้างประกันสังคม และ เงินสมทบ ม.33 ซึ่งเป็นการปรับครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลโดยตรงกับ
✔ ลูกจ้าง
✔ นายจ้าง
✔ ฝ่าย HR
✔ ระบบ Payroll
เพื่อไม่ให้คำนวณผิดพลาด องค์กรจำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลให้ถูกต้องตั้งแต่ต้นปี 2569 เป็นต้นไป
หาก HR ต้องการวางแผนงานปี 2569 ควบคู่กับการปรับฐานประกันสังคม สามารถดูปฏิทินวันหยุดปี 2569 ได้ที่:
ปฏิทินวันหยุด 2569 สรุปวันหยุดราชการ พร้อมแนวทางวางแผนงาน HR | COACH HCM
ประกันสังคมปรับเพิ่ม 2569 คืออะไร?
การปรับครั้งนี้คือการเพิ่มฐานประกันสังคม ม.33 จากเดิม 15,000 บาทเป็น 17,500 บาทในปี 2569 และจะเพิ่มแบบขั้นบันไดในปี 2572 และ 2575 ตามโครงสร้าง 3 ระยะ เพื่อสะท้อนภาระค่าครองชีพและเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตน
ฐานประกันสังคมใหม่ปี 2569–2571
- ฐานค่าจ้างขั้นต่ำ: 4,800 บาท
- ฐานค่าจ้างสูงสุดใหม่: 17,500 บา
- อัตราสมทบ: ลูกจ้าง 5% นายจ้าง 5%
ส่งประกันสังคมเพิ่มเท่าไหร่? (ลูกจ้าง–นายจ้าง)
| ฐานค่าจ้าง | ลูกจ้างจ่าย 5% | นายจ้างจ่าย 5% | รวมที่นำส่ง |
|---|---|---|---|
| 4,800 | 240 | 240 | 480 |
| 10,000 | 500 | 500 | 1,000 |
| 17,500 | 875 | 875 | 1,750 |
หมายเหตุ: เพิ่มขึ้นจากเดิม 750 บาท → 875 บาท (+125 บาทต่อเดือน)
ปีถัดไป (2572–2575) จะทยอยเพิ่มอีกตามโครงสร้างระยะ 3 ปี
ทำไมต้องปรับฐานประกันสังคม 2569?
เหตุผลหลักมีดังนี้:
- ค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการเพิ่มขึ้นทุกปี
- สิทธิแรงงานใหม่ เช่น ลาคลอด 120 วัน ต้องใช้งบมากขึ้น
- ต้องเพิ่มความมั่นคงของกองทุนในระยะยาว
- เพิ่มคุณภาพการรักษาพยาบาลและสิทธิทุพพลภาพ
พูดง่าย ๆ → เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับความคุ้มครอง “ดีขึ้นแบบยั่งยืน”
สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นตามเพดานค่าจ้างใหม่ (ปี 2569–2571)
เมื่อฐานค่าจ้างสูงขึ้น สิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนก็เพิ่มตาม โดยเฉพาะกรณีที่ใช้การคำนวณอิงฐานค่าจ้าง เช่น:
1) เงินทดแทนการขาดรายได้ (เจ็บป่วย)
- เดิม: 7,500 บาท/เดือน
- ใหม่: 8,750 บาท/เดือน
2) เงินทดแทนกรณีว่างงาน
- เดิม: 7,500 บาท/เดือน
- ใหม่: 8,750 บาท/เดือน
3) เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ
- เดิม: 7,500 บาท
- ใหม่: 8,750 บาท
4) เงินสงเคราะห์การหยุดงานคลอดบุตร
- เดิม: 22,500 บาท
- ใหม่: 26,250 บาท
5) เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต
- เดิม: 90,000 บาท
- ใหม่: 105,000 บาท
6) เงินบำนาญชราภาพ
- ส่งครบ 15 ปี → 3,000 → 3,500 บาท/เดือน
- ส่งครบ 25 ปี → 5,250 → 6,125 บาท/เดือน
สรุปง่าย ๆ
“จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย → แต่ได้สิทธิประโยชน์เพิ่มในทุกด้าน”
ผลกระทบต่อองค์กรและ HR
ผลกระทบต่อนายจ้าง/องค์กร
- ค่าใช้จ่ายสวัสดิการเพิ่มขึ้น
- ต้องวางแผนงบประมาณใหม่
ต้องอัปเดตฐานค่าจ้างในระบบเงินเดือนทันที
ผลกระทบต่อลูกจ้าง
- เงินเดือนสุทธิลดลงเล็กน้อยสำหรับเงินเดือนสูง
- ได้รับสวัสดิการที่ดีขึ้น ทั้งด้านรักษาพยาบาล คลอดบุตร และชราภาพ
HR และ Payroll จะทำงานง่ายขึ้นด้วยระบบ COACH HCM
COACH HCM ช่วยให้องค์กรอัปเดตการเปลี่ยนแปลงประกันสังคมได้ง่าย โดยระบบจะ:
✔ 1. อัปเดตฐานประกันสังคมในระบบ Payroll
✔ 2. แจ้งประกาศให้พนักงานทราบ
✔ 3. ตรวจสอบเงินสมทบย้อนหลัง
✔ 4. ปรับนโยบายสวัสดิการให้ตรงกฎหมาย
✔ 5. จัดทำรายงานวิเคราะห์ Before–After
✔ 6. ใช้ระบบ HR อัตโนมัติเพื่อป้องกันคำนวณผิดพลาด
ทำไม COACH HCM จึงช่วย HR ได้ดีในช่วงปรับประกันสังคม 2569
ระบบ COACH HCM มีจุดเด่นที่ช่วยทำให้การจัดการ “ฐานประกันสังคมใหม่” ง่ายขึ้น:
✔ คำนวณเงินสมทบ 875 บาทอัตโนมัติ
✔ อัปเดตฐานค่าจ้างได้ในคลิกเดียว
✔ เชื่อมข้อมูล HR → Payroll → ประกันสังคม
✔ ลดความเสี่ยงนำส่งประกันสังคมผิด
✔ ออกรายงานตรวจสอบย้อนหลังได้ทันที
พูดตรง ๆ →
HR ไม่ต้องกลัวคำนวณผิด เพราะระบบช่วยจัดการให้ครบวงจร
COACH HCM ช่วยองค์กรได้อย่างไร?
ระบบเงินเดือนของ COACH HCM รองรับการเปลี่ยนเพดานครบทั้ง 3 ระยะ เช่น
- อัปเดตข้อมูลประกันสังคมทุกปี
- คำนวณเงินสมทบแบบ real-time โดยไม่ต้องแก้สูตร
- รายงาน สปส.1-10 และไฟล์ส่งประกันสังคมแบบออนไลน์
- ตรวจสอบความผิดพลาดก่อนส่ง เช่น หักไม่ครบ / หักเกิน
- ลดงาน HR และลดความเสี่ยงค่าปรับด้านกฎหมาย
เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความถูกต้อง แม่นยำ และลดภาระงาน HR ช่วงปีแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้
บทสรุป
การปรับโครงสร้าง ประกันสังคมปรับเพิ่ม 2569 เป็นโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานไทย แต่เป็นความท้าทายสำหรับ HR และองค์กรที่ต้องจัดการข้อมูลอย่างถูกต้อง
ระบบ COACH HCM จะช่วยลดความผิดพลาด ทำงานเร็วขึ้น และทำให้องค์กรพร้อมเข้าสู่มาตรฐานใหม่ปี 2569–2571
หมายเหตุ : ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการร่างและกระบวนการทางกฎหมาย ยังไม่ประกาศราชกิจจานุเบกษา แต่มีแนวโน้มเริ่มใช้ ปี 2569 เป็นต้นไป
FAQ — คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประกันสังคมปรับเพิ่ม 2569
Q1: การปรับเพดานค่าจ้างปี 2569 คืออะไร?
การปรับเพดานค่าจ้าง คือการเพิ่มค่าจ้างสูงสุดที่ใช้คำนวณเงินสมทบประกันสังคม ม.33 จากเดิม 15,000 บาท เป็น
- ปี 2569 → 17,500 บาท
- ปี 2572 → 20,000 บาท
- ปี 2575 → 23,000 บาท
เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพและเพิ่มสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนในระยะยาว
Q2: ต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มเท่าไหร่?
เมื่อตามเพดานใหม่ ลูกจ้างและนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบดังนี้:
- ปี 2569 → 875 บาท/เดือน (+125 บาท)
- ปี 2572 → 1,000 บาท/เดือน (+125 บาท)
- ปี 2575 → 1,150 บาท/เดือน (+150 บาท)
รวมภาระเพิ่มสูงสุดตลอด 3 ระยะ = 400 บาท
Q3: ทำไมต้องมีการปรับเพดานเงินสมทบ?
เพดานเดิมใช้มานานกว่า 20 ปี ขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้จำเป็นต้องปรับใหม่เพื่อ:
- เพิ่มสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน
- ทำให้กองทุนประกันสังคมมีความยั่งยืน
- รองรับสวัสดิการที่ต้องใช้งบมากขึ้น เช่น รักษาพยาบาล คลอดบุตร บำนาญ
Q4: สิทธิประโยชน์ประกันสังคมใหม่มีอะไรบ้าง?
สิทธิที่สูงขึ้นตามเพดานใหม่ ได้แก่:
- เงินทดแทนเจ็บป่วย: 8,750 บาท/เดือน
- เงินทดแทนว่างงาน: 8,750 บาท/เดือน
- เงินทดแทนทุพพลภาพ: 8,750 บาท/เดือน
- เงินสงเคราะห์คลอดบุตร: 26,250 บาท
- เงินสงเคราะห์เสียชีวิต: 105,000 บาท
- เงินบำนาญชราภาพ: 3,500–6,125 บาท/เดือน (ขึ้นกับระยะเวลาการส่งเงินสมทบ)
Q5: ลูกจ้างเงินเดือนสูงได้รับผลกระทบอย่างไร?
ลูกจ้างที่มีเงินเดือนเกินเพดานเดิมจะถูกหักเงินสมทบเพิ่มขึ้น แต่ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์สูงขึ้นตามฐานใหม่ เช่น เงินทดแทนชราภาพและชดเชยต่าง ๆ
สรุปสั้น ๆ: จ่ายเพิ่มเล็กน้อย แต่ได้รับคุ้มครองมากกว่าเดิม
Q6: นายจ้างได้รับผลกระทบอย่างไร?
นายจ้างจะมีต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกรณีพนักงานที่มีเงินเดือนเกิน 15,000 บาท เนื่องจากต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มฝ่ายละเท่ากัน อย่างไรก็ตาม สิทธิของพนักงานดีขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อความมั่นคงแรงงานในองค์กร
Q7: การปรับเพดานปี 2569 มีผลบังคับใช้แล้วหรือยัง?
ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่มีแนวโน้มเริ่มใช้ในปี 2569 เป็นต้นไป
องค์กรควรเตรียมปรับระบบ Payroll และสื่อสารให้พนักงานทราบล่วงหน้าเพื่อลดข้อผิดพลาดเมื่อกฎหมายบังคับใช้จริง
ดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม:
– ลาคลอด 120 วัน (กฎหมายใหม่)
– ปฏิทินวันหยุด 2569
